วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

บันทึกประจำวัน 7

วัน ศุกร์   ที่   14    กันยายน   พ.ศ 2555
   
     วันนี้ฝนตกทั้งวันเลยไปไหนก็รำบากมากๆๆๆๆๆจะไปซื้อหนังสือกัหมดแงๆๆๆเสียใจ งานก็เยอะ ชั่งดีจริงๆชีวิตมอปลายไปละบาย - -

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

บันทึกประจำวันที่ 6

วัน พฤหัสบดี  ที่  13 กันยายน  พ.ศ  2555

     วันนี้ก็เป็นวันชิวๆเบื่อๆเซ็งๆ ก็งี้และชีวิตคนเรางานเยอะๆๆๆๆรีบส่งทั้งนั้นเครียดๆๆๆๆเหอะๆๆๆๆวันนี้ไม่มีอะไรมาส่วนมากจะมาบ่นให้ฟังมากกว่าไปละบาย - -

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

บันทึกประจำวัน 5

วัน พุธ  ที่  12 กันยายน  พ.ศ  2555

     วันนี้ก็เหมือนเดิมเรียนวันนี้ส่งวิทย์แล้วสบายใจมากแต่ไม่รู้ได้คะแนนเท่าไรแต่ขอให้ผ่านเถอะสาธุ...แต่ชั่งเถอะแต่งานอื่นก้อยังไม่เสร็จเลยเซ็งใกล้จะสอบแล้วแต่ยังไม่ได้อ่านไรเลยก็แบบนี้และชีวิตใกล้ๆค่อยอ่านเหอะๆเครียดไปก็ไม่ได้ประโยชน์ ไปละบาย ^  ^

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น (จังหวัดนาระ)


สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดนาระ (Nara)





จังหวัดนะระ (奈良県) เป็นจังหวัดในประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ในภาคคันไซ มีเมืองหลวงจังหวัดในชื่อเดียวกันคือ นะระ ซึ่งในอดีตเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 1,300 ปีก่อน ในเมืองนะระมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมายอาทิ เช่น พระพุทธรูปไดบุตสึซึ่งเป็นพระพุทธหล่อองค์ใหญ่ที่สุดในโลก [ต้องการอ้างอิง]ถูกสร้างเมื่อ 1,200 ปีก่อน และยังมีวัดโฮริวจิ สิ่งก่อสร้างซึ่งทำด้วยไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก[ต้องการอ้างอิง] และยังได้รับการบันทึกให้เป็นมรดกโลกเมื่อปีคริสต์ราช 1993 ถูกสร้างโดยโชโทกุไทฉิ



วัดโทไดจิ (Todaiji Temple)



วัดโทไดจิ หรือ Great Eastern Temple ตั้งอยู่ที่จังหวัดนาระสร้างขึ้นเมื่อปี คศ. 752 เเป็น1ในวัดที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น และ มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์

พระพทธรูป (Daibutsu) รูกลางเสาหลักไม่ใช่เพียงแค่ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไดบุสึขนาดใหญ่หล่อจากบรอนซ์ และยังเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ถึงแม้ว่าปัจจุบันได้มีการสร้างใหม่ในปี 1692 ซึ่งมีขนาดเพียง 2 ใน 3 ของวิหารหลังเดิมที่สร้างมาตั้งแต่ครั้งแรก

สิ่งที่น่าสนใจของไทโดจิ จะมีเสาหลักอยู่ภายในวัดซึ่งแต่ละเสาจะมีรูที่ฐานมีขนาดเท่ากันกับรูจมูกของพระพุทธรูป เล่าขานกันว่าถ้าผ่านช่องนี้จะแต่ความโชคดี

ประตูนันไดมง ทางเข้าวัดโทไดจิจะมีประตูนันไดมง เป็นประตูไม้ยักษ์ที่ถูกรูปแกะสลักยักษ์เฝ้าประตูทางเข้าวัดอยู่ 2 ตนเป็นสัญลักษณ์ของ Nio Guardian Kings เป็นรูปปั้นที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นสมบัติของชาติร่วมกันกับประตูนันมง

การเดินทางไปที่วัดโทไดจิ

โคฟุคุจิ ใช้เวลาเดิน5นาที จากสถานีคินเทะทสึนาระ หรือ 20นาที โดยเดินจาก สถานีเจอานาระ โคฟุคิจิ สามารมาถึงได้อีกวิธีโดย จากสถานีเจอานาระ ขึ้นรถบัสสาย2 ซึ่งจะวิ่งรอบตามเข็มนาฬิกา หรือ รถบัสสายไหนก็ได้ที่วิ่งอยู่ใน คาซุกะ ไทฉะ (ใช้เวลาประมาณ7นาที 180 เยน) ลงรถที่ป้ายเคนโชะ-มาเอะ


วัดโคฟุกุจิ ( Kofukuji Temple)



สร้างตั้งแต่ พ.ศ.1253 ถือเป็นวัดประจำตระกูลฟูจิวารา(Fujiwara)ที่ขึ้นครองอำนาจในกลางศตวรรษที่ 17 ยุคสมัยช่วงนาระ และ เฮย์อัน วัดมีสิ่งก่อสร้างตั้งอยู่ภายในมากกว่า150 แห่งปัจจุบันเหลือเพียง 2หลัง คือ เจดีย์ 5 ชั้นที่สูงเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น สร้างในปี พ.ศ. 1969 ซึ่งสูงน้อยกว่าเจดีย์ 5 ชั้นที่วัดโทจิเมืองเกียวโต เพียงแค่ 7 เมตร ส่วนอีกเจดีย์ สูง 3 ชั้น เป็นของดั้งเดิมตั้งแต่แรก สร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.1686

Treasure House จะเป็นที่สะสมงานศิลปะที่สวยงามมากมาย อย่างเช่น รูปพระพุทธเก่า ส่วน The Eastern Golden Hall จะตั้งอยู่ข้างๆกัน ภายในจะพบกับรูปปั้นไม้ยักษ์ของพระพุทธเจ้ายาคุชิ

สิ่งที่น่าสนใจอย่างอื่นก็จะมี Northern and Southern Octagonal Halls เดิมทีสร้างขึ้นเมื่อหลายพันปีมาแล้ว แต่ปัจจุบันได้มีการสร้างใหม่และเสร็จในปี คศ.1789 และ คศ.1210 เป็นวิหารเก็บวัตถุมีค่า และ เปิดให้เข้าไปเพียงไม่กี่วันต่อปี

และยังมีที่อื่นอีกคือ วิหารหลักโคฟุคุจิ และ the Central Golden Hall ที่ซึ่งปัจจุบันกำลังก่อสร้างอยู่คาดว่าจะเสร็จภายในปีคศ.2015

การเดินทางไป วัดโคฟุกุจิ ( Kofukuji Temple)

โคฟุคุจิ ใช้เวลาเดิน5นาที จากสถานีคินเทะทสึนาระ หรือ 20นาที โดยเดินจาก สถานีเจอานาระ โคฟุคิจิ สามารมาถึงได้อีกวิธีโดย จากสถานีเจอานาระ ขึ้นรถบัสสาย2 ซึ่งจะวิ่งรอบตามเข็มนาฬิกา หรือ รถบัสสายไหนก็ได้ที่วิ่งอยู่ใน คาซุกะ ไทฉะ (ใช้เวลาประมาณ7นาที 180 เยน) ลงรถที่ป้ายเคนโชะ-มาเอะ





พิพิธภัณฑ์เมืองนาระ (Nara National Museum)

ตั้งอยู่ที่สวนนาระ เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงศิลปะพระพุทธศาสนา พิพิธภัณฑ์นี่ซึ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อ 100 ปีก่อน ซึ่งยังคงความเดิมของอาคารหลักไว้ และถูกเชื่อมด้วยอาคาร2ข้างเข้ากันกับอาคารหลักให้เป็นทางเดินใต้ดิน

ปีกอาคาร 2 ส่วนนี้ จะเป็นที่แสดงงานสะสม ประกอบไปด้วยรูปปั้นพระพุทรูป ภาพวาด คำภีร์และโบราณวัตถุส่วนใหญ่มาจากญี่ปุ่น ส่วนที่ทำขึ้นใหม่นี้ยังเป็นที่จัดนิทรรศการ ประกอบไปด้วย ช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะมีนิทรรศการประจำปีสมบัติของวัดโทไดจิ ตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์ จะมีคำอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ

การเดินทางไปที่พิพิธภัณฑ์เมืองนาระ

พิพิธภัณฑ์เมืองนาระ ตั้งอยู่ที่สวนนาระใช้เวลาเดิน15นาทีจาก สถานีคินเทะทสึนาระ หรือ ใช้เวลาเดิน30นาที จากสถานีเจอานาระ หรือจะนั่งรถบัสจากสถานีนั้นมาลงที่ป้าย ฮิมุโระ-ไชน์ หรือ พิพิธภัณฑ์เมืองนาระซึ่งอยู่ถัดไปจากพิพิธภัณฑ์











สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น (โอซาก้า Osaka)


สถานที่ท่องเที่ยวในโอซาก้า (Osaka)




โอซาก้า เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น และเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 รองจากโตเกียว



1. มินามิ (นัมบะ) เป็นแหล่งช้อปปิ้งและแหล่งบันเทิงที่มีชื่อเสียงที่สุดในโอซาก้า ตั้งอยู่ที่สถานีนัมบะ

แหล่งช้อปปิ้งที่สำคัญ- Dotonbori ถนนแห่งนี้ตั้งขนานไปกับคลอง Dotonbori ซึ่งเป็นแหล่งที่มีชื่อเสียง

ในเรื่องของอาหาร ในช่วงกลางคืนถนนสายนี้จะเต็มไปด้วยป้ายไฟต่าง ๆ โดยป้ายไฟที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของ Dotonbori นั่นคือ ป้ายไฟปูยักษ์ (Kani Doraku Crab Sign) และ ป้ายไฟ Glico Running Man

- Shinsaibashi Shopping Arcade ในแถบนี้จะเต็มไปด้วยร้านค้าระดับหรูมากมาย ซึ่งจะเป็นถนนให้เดินยาวประมาณ 600 เมตร เป็นแหล่งของเสื้อผ้าแบรนด์ดังและร้านของดีไซน์เนอร์ชื่อดังต่าง ๆ

- Amerikamura ถือได้ว่าเป็นฮาราจูกุของโอซาก้าเลยทีเดียว เป็นแหล่งที่รวมรวมคาเฟ่, ร้านเสื้อผ้าซึ่งมีราคาถูก

- Den Den Town ตั้งอยู่ในแถบ Nipponbashi เป็นแหล่งสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องเล่นการ์ตูนต่าง ๆ (คล้ายกับ Akihabara ในโตเกียว)

แหล่งวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่สำคัญ

- โรงละครแห่งชาติบันรากุ ถือได้ว่าเป็นโรงละครที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยมักจะมีการแสดงในช่วงเดือนมกราคม, เมษายน, มิถุนายน, กรกฎาคม/สิงหาคม และพฤศจิกายน โดยค่าตั๋วเข้าชมจะประมาณ 2000-6000 เยน และมี Earphones สำหรับรับฟังเป็นภาษาอังกฤษ

- ตรอกโฮเซนจิ โยโกโช มีร้านเหล้าและร้านอาหารแบบท้องถิ่นมากกว่า 60 ร้าน ซึ





การเดินทาง : แถบมินามิจะตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับนสถานีนัมบะ และ Osaka City Air Terminal (OCAT) ซึ่งมีทั้งเส้นทางของรถไฟ, รถไฟใต้ดิน และรถประจำทางผ่านหลายสายด้วยกัน


2. ปราสาทโอซาก้า (Osakaju) หอคอยของปราสาทจะถูกล้อมรอบด้วยป้อมปราการ, ประตู, ป้อมปืน, กำแพงหินที่สวยงาม และคูน้ำรอบปราสาท สวนภายในปราสาทจะมีพื้นที่ประมาณ 2 ตารางกิโลเมตรซึ่งเป็พื้นที่ที่เต็มไปด้วยต้นซากุระ จึงกลายเป็นแหล่งที่นิยมอย่างมากในช่วงที่ดอกซากุระบาน





การเดินทาง : สามารถเดินทางโดยใช้ Tanimachi Subway Line และ Chuo Subway Line สิ้นสุดที่สถานี Tanimachi 4-chrome Station และออกทาง Otemon Gate ก็จะถึงทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของสวนภายในปราสาท




3. อุเมดะ เป็น 1 ในเขตที่สำคัญของเมืองโอซาก้า โดยตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ 2 สถานี นั่นคือสถานีโอซาก้า และสถานีอุเมดะ ในแถบนี้จะเป็นแหล่งของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่มากมาย และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญดังนี้

- Osaka Station City เปิดเมื่อช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปี 2011 ซึ่งตั้งอยู่ภายใน JR Osaka Station มีการออกแบบที่สวยงามโดยใช้กระจกเป็นหลังคาเหนือกับรางรถไฟ- Umeda Sky Building มีความสูงทั้งสิ้น 173 เมตร ซึ่งในส่วนของชั้นดาดฟ้าของตึกนั้นจะจัดจุดชมวิวให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งเรียกว่า Floting Garden Observatory

- Hankyu Entertainment Park เป็นแหล่งช้อปปิ้งและแหล่งบันเทิงขนาดใหญ่ ประกอบด้วยร้านค้าและร้านอาหารมากกว่า 300 ร้าน




การเดินทาง : ในเขตอุเมดะนี้มีสถานีรถไฟต่าง ๆมากมายดังนี้

- รถไฟ : สถานีโอซาก้า (Japan Railways) และสถานี Hankyu Umeda (Hankyu Railways)

- รถไฟใต้ดิน : สถานี Hanshi Umeda (Hanshi Railways), สถานี Umeda (Midosuji Subway Line), สถานี Nishi-Umeda (Yotsubashi Subway Line) และ สถานี Higashi-Umeda (Tanimachi Subway Lin















สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น (ฮิโรชิมา Hiroshima)


สถานที่ท่องเที่ยวในฮิโรชิมา (Hiroshima)



   ฮิโรชิมาเป็นเมืองหลักของภูมิภาคจูโงกุ เมืองแห่งนี้เป็นเมืองประวัติศาสตร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งถูกระเบิดนิวเคลียร์ตกเป็นลูกแลก จากนั้นหลังจากสงครามโลก เมืองแห่งนี้ได้ถูกบูรณะขึ้นมา และได้สร้างสถานที่สำคัญของฮิโรชิมาขึ้นมาใหม่ จนปัจจุบันกลายเป็นเมืองประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น


1. สวนสันติภาพ (Hiroshima’s Peace Memorial Park) เป็น 1 ในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญของฮิโรชิมา ภายในสวนมี พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพ ซึ่งมีทั้งหมด 2 ตึก กล่าวถึงประวัติศาสตร์ของเมืองฮิโรชิมา และเหตุการณ์ในช่วงที่เกิดระเบิดนิวเคลียร์ในวัที่ 6 สิงหาคม นอกจากนี้ยังมี A-Bomb Dome ที่รู้จักกันในนามของอนุสาวรีย์สันติภาพฮิโรชิมา ซึ่งเป็นสถานที่เพียงไม่กี่แห่งที่ยังคงสภาพจากวันทีเกิดระเบิดนิวเคลียร์จนถึงปัจจุบัน






การเดินทาง : จากสถานีฮิโรชิมา สามารถนั่งรถรางเพื่อมาลงสถานี Genbaku-Domu ได้




2. ปราสาทฮิโรชิมา (Hiroshima Castle) เป็นปราสาทที่มีความสูงทั้งหมด 5 ชั้น ถูกล้อมรอบด้วยคูน้ำ ซึ่งปราสาทแห่งนี้นั้นเป็นปราสาทที่ถูกสร้างใหม่หลังจากผ่านช่วงสงคราม เป็นปราสาทไม้ตามฉบับปราสาทโดยทั่วไปในประเทศญี่ปุ่น





การเดินทาง : สามารถนั่งรถรางมาลงที่ป้าย Kamiyacho และเดินเข้ามาในตัวปราสาทใช้เวลาเพียง 10 นาที หรือเดินจากสวนสันติภาพเพียง 15 นาทีเท่านั้น



3. สวนชุกเคเอ็น (Shukkeien Garden) มีประวัติมายาวนานตั้งแต่ในปี 1620 โดยจะเป็นสวนในสไตล์ดั้งเดิมของญี่ปุ่น ภายในสวนจะมีศาลาน้ำชาเป็นจำนวนมาก ซึ่งไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมความงามภายใน

การเดินทาง : สามารถเดินได้จากสถานีฮิโรชิมา เพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น






4. Hiroshima Downtown ในแถบตัวเมืองของฮิโรชิมา มีถนนสายหลักคือ ถนนฮอนโดริ (Hondori Street) ซึ่งเป็นถนนคนเดินที่ล้อมรอบไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารมากมาย และมีถนนคู่ขนานอีกถนนหนึ่งชื่อว่า Aioi Street เป็นถนนสายหลักไว้สำหรับรถยนต์และรถรางวิ่ง ซึ่งถนนสายนี้จะมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ รวมถึง Hiroshima Baseball Stadium



การเดินทาง : สามารถเดินจาก Hiroshima Station ใช้เวลาทั้งหมด 20 นาที หรือนั่งรถรางในสาย 1, 2 หรือ 6






สนาที่ท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น (ซัปโปโร Sapporo)


สถานที่ท่องเที่ยวในซัปโปโร (Sapporo)




   Sapporo เป็นเมืองหลวงของฮอกไกโด และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศญี่ปุ่น โดยสิ่งที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้คือ ราเมน, เบียร์ และเทศกาลหิมะในเดือนกุมภาพันธ์


1. พิพิธภัณฑ์เบียร์ (Sapporo Beer Museum) Sapporo Beer เป็น 1 ในยี่ห้อของเบียร์ที่มีความเก่าแก่ที่สุดในประเทศ และมีการผลิตตั้งแต่ในปี 1877 จนถึงปัจจุบันเพื่อออกไปขายทั่วโลก ซึ่งในพิพิธภัณฑ์จะมีการเล่าถึงประวัติศาสตร์ของเบียร์ในประเทศญี่ปุ่นและกระบวนการผลิตเบียร์ นอกจากนี้ถัดจากพิพิธภัณฑ์จะเป็น Sapporo Beer Garden เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มลองเบียร์ไปพร้อมกับบาร์บีคิวแกะ ซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นของที่นี่





การเดินทาง : สามารถเดินได้จาก Sapporo Station ประมาณ 25 นาที



2. หอนาฬิกา (Tokeidai) เป็นสัญลักษณ์ของเมืองซัปโปโร ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ในปี 1878 ปัจจุบันจะเป็นลักษณะคล้าย ๆ กับพิพิธภัณฑ์ซึ่งแสดงประวัติศาสตร์ของหอนาฬิกา และเมืองซัปโปโรในชั้นที่ 1




การเดินทาง : สามารถเดินจากทางใต้ของสถานี JR Sapporo เพียง 10 นาที



3. สวนโอโดริ (Odori Park) เป็นสวนสาธารณะเกาะกลางถนน ซึ่งอยู่ใจกลางของเมืองซัปโปโร สวนแห่งนี้ถือว่าเป็นรอยแบ่งของด้านเหนือและด้านใต้ของเมืองซัปโปโร ทางด้านปลายสุดฝั่งตะวันออกของสวนสาธารณะจะเป็นที่ตั้งหอคอย Sapporo TV ซึ่งมีความสูง 150 เมตร ซึ่งในช่วงกลางคืนจะมีการตกแต่งประดับไฟบนหอคอ





การเดินทาง : สวนโอโดริ อยู่ถัดจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินโอโดริ (Odori Subway Station) หรือสามารถเดินทางทางใต้ของสถานี JR Sapporo เพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้นย ทำให้กลายเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมักมาเยี่ยมชมในตอนกลางคืน



4. สวนโมเอเรนุมะ (Moerenuma Park) เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ และมีความเงียบสงบ รอบ ๆ ของสวนจะมีบึงล้อมรอบ ภายในสวนจะมี Sea Fountain ซึ่งตั้งอยู่กลางสวน เป็นน้ำพุที่มีความสูงประมาณ 25 เมตร นอกจากนี้ภายในสวนยังมีลักษณะเป็นเนินเขาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Mount Moera ซึ่งสูงถึง 62 เมตร เมื่อขึ้นไปถึงจุดสูงสุดจะทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมองเป็นวิวโดยรอบภายในสวน Play Mountain ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าเป็นลักษณะทางเดินลาดชัดที่สวยงาม




การเดินทาง : สามารถเดินทางโดยใช้ Toho Subway Line สิ้นสุดที่ Kanjodori-higashi Station และต่อรถประจำทางท้องถิ่นประมาณ 25 นาทีก็จะถึง Moerenuma Park

บันทึกประจำวัน 4

วัน อังคาร  ที่  11 กันยายน  พ.ศ 2555

    วันนี้เป็นวันที่โชคไม่ดีเอาซะเลยรถยางแบนแถมไปโรงเรียนสายโดนครูด่าไม่เพียบทุกปัญหาปวดหัวมากแต่ก็อย่างที่คนเขาว่าทุกปัญหามีทางออกเสมอรู้ป่ะแต่ไม่ใช่เราแน่เลยก็นะสู้ต่อไปแปบเดี๋ยวก็จบ  ไปนะบายครับ ^  ^

วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น (เกียวโต Kyoto)

สถานที่ท่องเที่ยวในเกียวโต (Kyoto)



เกียวโต (Kyoto)

เคยเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นในช่วงปี .794-1868 ซึ่งถือได้ว่าเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วยประชากรประมาณ 1.4 ล้านคน


1. วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji) หรือวัดทอง เป็นวัดของลัทธิเซนอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเกียวโต ซี่งในชั้นสองของวัดนั้นจะปกคลุมด้วยทอง โดยแต่ละชั้นจะตกแต่งในสไตล์ที่แตกต่างกันดังนี้


  ชั้นแรก จะตกแต่งแบบ Shinden Style เป็นลักษณะของพระราชวัง และชั้นที่สองตกแต่งแบบ Bukke Style ซึ่งใช้สำหรับให้เป็นที่พักของซาบูไร และในชั้นบนสุดจะตกแต่งในแบบ Chinese Zen Hall

การเดินทาง : สามารถเดินทางจากสถานีเกียวโต โดยนั่ง Kyoto City Bus สาย 101 หรือ 205 ประมาณ 40 นาทีโดยประมาณ

2. ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1603 ซึ่งเป็นยุคแรก ๆ ของการปกครองแบบโชกุนในยุคอิโด ปราสาทนิโจมีป้อมปราการที่เรียงตัวกันเป็นวงแหวนสองชั้น แต่ละชั้นจะมีทั้งกำแพงและคูน้ำกว้าง และยังมีกำแพงล้อมรอบพระราชวังนิโนมารุอีกชั้นหนึ่ง แต่มีความซับซ้อนน้อยกว่า กำแพงชั้นนอกของป้อมปราการมีประตูอยู่ 3 ประตู ส่วนกำแพงชั้นในมีอยู่ 2 ประตู ที่มุมทางตะวันตกเฉียงใต้ของกำแพงชั้นใน มีซากของป้อมปราการห้าชั้น ภายในกำแพงชั้นในเป็นที่ตั้งของพระราชวังฮอนมารุและอุทยาน ระหว่างวงแหวนป้อมปราการทั้งสองชั้น เป็นที่ตั้งของพระราชวังนิโนมารุ โรงครัว ป้อมสังเกตการณ์ และสวนหย่อมอีกจำนวนมาก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เข้ามาเยี่ยมชมที่นี่จะต้องเดินผ่านประตูขนาดใหญ่ทางด้านตะวันออกของปราสาท ซึ่งเป็นทางเข้าพระราชวังนิโนมารุ (ในอดีตเป็นที่พักและที่บัญชาการของโชกุน) โดยภายในพระราชวังจะประกอบด้วยอาคารหลาย ๆ อาคาร ซึ่งมีทางเดินเชื่อมต่อกัน และมีการตกแต่งได้อย่างปราณีตและงดงาม นอกจากนี้ภายนอกพระราชวังยังมีสวนที่ตกแต่งในแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ซึ่งมีทั้งการตกแต่งด้วยหินและต้นสนมากมาย





การเดินทาง : สามารถเดินได้จากสถานีรถไฟใต้ดินนิโจโจมาเอะ (Nijojo-mae) ซึ่งใช้เส้นทางของ Tozai Subway Line


3. วัดเรียวอันจิ (Ryoanji) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงอย่างมาก โดยเฉพาะสวนหิน ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวได้หลายร้อยคนในแต่ละวัน ซึ่งประวัติและที่มาของสวนแห่งนี้ ไม่ทราบวันแน่ชัด และมีนักออกแบบหลาย ๆ คนร่วมกันทำ โดยนักท่องเที่ยวหลาย ๆ คนมักมานั่งมองสวนหินแห่งนี้อย่างสงบ เพื่อค้นหาความหมายแห่งปรัชญาของลักษณะของสวนที่ยังไม่มีใครทราบแน่ชัด





การเดินทาง : จากสถานีเกียวโตสามารถเดินทางได้โดยใช้ JR Bus โดยจะมีทุก ๆ 15-30 นาที 


4. ทางเดินนักปราชญ์ (The Philosopher’s Path)
ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของเมืองเกียวโต ข้าง ๆ ทางเดินนั้นจะเต็มไปด้วยต้นซากุระเป็นร้อย ๆ ต้น และมักจะบานพร้อมกันในช่วงต้นเดือนเมษายน จึงทำให้เกียวโตนั้นกลายเป็นเมืองที่เป็นที่นิยมอย่างมากของนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลฮานามิ





การเดินทาง : สามารถเดินได้จากวันนันเซนจิเพียงแค่ 5-10 กิโลเมตร

จุดชมวิวสุดสวยของโตเกียว

สวนสาธารณะอุเอะโนะ (Ueno Park) 




   สวนสาธารณะอุเอะโนะ (Ueno Park) เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมืองโตเกียว นอกจากนี้ภายในสวนสาธารณะยังมีวัดคันเอจิ (Kaneiji Temple) ซึ่งเคยเป็นวันที่มีขนาดใหญ่และมั่งคั่งที่สุดในยุคอิโด นอกจากนี้ปัจจุบันสวนสาธารณะยังมีชื่อเสียงทางด้านพิพิธพันธ์ โดยเฉพาะ Tokyo National Museum, National Museum for Western Art, Tokyo Metropolitan Art Museum และ National Science Museum รวมถึง Ueno Zoo ซึ่งเป็นสวนสัตว์แห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงสวนสาธารณะอุเอะโนะยังเป็น 1 ในสวนสาธารณะที่มีชื่อเสียงที่สุดเมื่อดอกซากุระเริ่มบาน ซึ่งภายในสวนมีต้นซากุระมากถึง 1,000 ต้น

การเดินทาง : สามารถเดินทางได้ทางรถไฟ โดยจุดหมายปลายทางที่สถานี JR Ueno และเดินในทางออกทางด้าน “Park Exit”


สวนสาธารณะชินจูกุเกียวเอน (Shinjuku Gyoen)




    อยู่ห่างจากสถานีชินจูกุประมาณ 5 นาที ที่นี่ก็มีซากุระไม่แพ้ที่สวนอุเอโนะ นอกจากจะได้ชมดอกซากุระพร้อมกับสวนที่จัดแบบตะวันตกแล้ว ยังมีดอกไม้ชนิดต่างๆ ตามฤดูกาลให้ได้ชมอีกด้วย
เวลาเปิดเข้าชม : 9.00 – 16.30 น.
ค่าเข้าชม : 300 Yen



ชิโดริกะฟุชิ (Chidorigafuchi)

     อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟคันดะและพระราชวังอิมพีเรียล ที่นี่เป็นจุดชมซากุระที่มีความงดงามแบบเอโดะ มีต้นซากุระเรียงรายกว่า 1000 ต้นในบริเวณของศาลเจ้ายาสุคุนิ



สวนสาธารณะสุมิดะ (Sumida Park)




   ดอกซากุระและสายน้ำของอาซากุสะ คือ สิ่งที่ท่านจะได้จากการไปชมซากุระที่นี่


สุสานอาโอยาม่า (Aoyama Cemetery)




     เดินจากสถานีรถไฟโนกิสะกะ (Nogizaka) หรือ ไกเอนมาเอะ (Gaienmae) ประมาณ 5 นาที จะพบถนนที่ทอดสู่สุสานอาโอยาม่า อย่าคิดว่าบรรยากาศจะน่ากลัวตามชื่อสุสาน แต่ถนนเส้นนี้กลับเต็มไปด้วยผู้คนเพราะติดอันดับถนนสายโรแมนติกของโตเกียว


สวนพฤกษศาสตร์โคอิชิคาวะ (Koishikawa Botanical Garden)



       เดินจากสถานี ฮาคุซัง (Hakusan) หรือ เมียวกาดานิ (Myogadani) ประมาณ 5- 10 นาที ท่านจะพบกับลานกว้างพร้อมต้นซากุระที่ร่มรื่นและสวยงาม
ค่าธรรมเนียม : 330 Yen

บันทึกประจำวัน 3

วัน จันทร์  ที่  10 กันยายน  พ.ศ 2555
 
   วันี้ก็เหมือนเดิมฝนก็ตกอีกแล้วจะตกทำไมก็ไม่รู้เบื่อมากแถมยังต้องไปโรงเรียนอีกมันแฉไปหมดเดินไปไหนก็รำบากมากๆๆๆๆโดนฝนมากๆก็ไม่สบายอีกดีจังแถมช่วงนี้ออกข่าวว่าจะมีพายุเข้าอีกคงสนุกกันและคราวนี้การบ้านก็เยอะจะพยายามเคียร์ให้หมด  สู้ๆ  จะสอบแล้วเรา  ไปนะบายครับผม

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

บันทึกประจำวัน 2

วันอาทิตย์  ที่ 9  กันยายน   พ.ศ 2555

      เมื่อเช้าฝนตกนิดหน่อยไปโรงเรียนสายนิดๆพอคิดว่าต้องไปโรงเรียนวันอาทิตย์ก็รู้สึกขี้เกลียดล่ะอยากดูการตูนมากๆแต่ก็ไม่ได้ดูกับต้องไปโรงเรียนคิดแล้วเซ็งทำไงได้จำเป็นต้องไปอ่ะน่ะชีวิตคนเอาและยังมีสอบญี่ปุ่นด้วยคิดว่าทำไม่ค่อยได้เลยแม้แต่นิดเดียวก็นะมันคงยากเป็นธรรมดาใกล้จะปิดแล้วโรงเรียนคิดแล้วดีใจหลายแต่สอบนี้และคิดมากคนที่ (อ่านขอให้โชคดีนะครับ)   ไปละบาย ^  ^

วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555

บันทึกประจำวัน 1

วันเสาร์   ที่  8 กันยายน  พ.ศ. 2555

   วันนี้เป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่งช่วงเช้าน่ะเพราะเป็นวันที่ทำงานหนักๆเสร็จแล้วเป็นวันที่มานั่งทำบล็อคก็สนุกดีทำไปเรื่อๆอยู่ดีๆก็ทำได้ทำไปสีบกว่าอันสนุกดี วันนี้อาการแปลกๆตอนเย็นเดี๋ยวฝนจะตกก็ไม่ตกอะไรของฟ้าก็ไม่รู้เดาไม่ถูกอย่าได้แคร์ชั่งมัน  ไปละบาย ^  ^  

สนาที่ท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น (โตเกียว)


สถานที่ท่องเที่ยวในโตเกียว (Tokyo)




โตเกียว (Tokyo)

  เป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกลายเป็นเมืองหลวงที่ได้รับความนิยมระดับต้น ๆของโลก สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว โตเกียว  เป็นเมืองที่เต็มไปด้วย สถานที่ช้อปปิ้ง, บันเทิง, วัฒนธรรม และอาหาร นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ประวัติศาสตร์ต่าง ๆ อาทิเช่น พิพิธพันธ์, วัด และสวนประวัติศาสตร์ต่าง ๆ โดยสถานที่ท่องเที่ยวของโตเกียวมีดังนี้


  1. ตลาดปลาสึคิจิ เป็นตลาดค้าส่งขนาดใหญ่ซึ่งมีจำหน่ายทั้งปลา, ผลไม้ และผักในแถบ Central Tokyo ซึ่งตลาดแห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในระดับโลก โดยมีการค้าขายผลิตภัณฑ์ทางทะเลมากกว่า 2,000 ตันต่อวัน โดยจะเปิดตั้งแต่ ตี 5 ถึง บ่าย 2 โมง ในส่วนของตลาดค้าส่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมได้ตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้า และสำหรับตลาดการประมูลปลาทูน่าจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้ตั้งแต่ 05.25 – 06.15 โดยจำกัดจำนวนที่ 120 คนต่อวัน





การเดินทาง : จากสถานีโตเกียว สามารถเดินทางทาง Marunouchi Subway จากโตเกียวถึงกินซ่า และต่อด้วย Hibiya Subway โดยจุดหลายปลายทางอยู่ที่สถานีสึคิจิ หรือหากเดินทางจากสถานีชินจูกุ สามารถนั่งรถไฟสายเดียวถึงสถานีสึคิจิได้เลยภายใน 20 นาที


2. อาคิฮาบาระ (Akihabara) เป็นแหล่งขายเครื่องใช้ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ทางไอทีที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งสินค้าสำหรับโอทาคุ (คนที่ชื่นชอบการ์ตูนหรือเกมส์) ซึ่งจะมีสินค้าทั้งการ์ตูน, วิดีโอเกมส์, เกมส์ไพ่ และของสะสมต่าง ๆ มากมาย อีกทั้งยังมีร้านในลักษณะ Maid Cafes ซึ่งพนักงานผู้หญิงจะแต่งตัวในลักษณะของเมด หรือตามเอกลักษณ์ของการ์ตูน และยังมีร้านในลักษณะของอินเตอร์เน็ตคาเฟ่สำหรับลูกค้าที่ต้องการอ่านการ์ตูนและดู DVD ร้านสินค้าขนาดใหญ่ อาทิเช่น

- Ishimaru Denki (เปิดทุกวันเวลา 10.00-20.00) ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับสถานีอาคิฮาบาระ มีทั้งหมด 3 ร้านด้วยกัน โดยสาขาหลักจะจำหน่ายทั้งคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ และสาขาย่อยจะจำหน่ายซีดี, ดีวีดี, เกมส์ และสินค้าที่เกี่ยวกับการ์ตูน

- Softmap (เปิดทุกวันเวลา 11.00-20.00) มีทั้งหมด 12 ร้านในแถบอาคิฮาบาระ โดยในแต่ละสาขาจะขายของเฉพาะ อาทิเช่น ผลิตภัณฑ์ของ Apple, ร้านจำหน่ายซีดีหรือเกมส์ รวมถึงคอมพิวเตอร์, กล้อง และซอฟต์แวร์

- Laox (เปิดทุกวันเวลา 10.00-20.00) มีทั้งหมด 4 ร้าน โดยในสาขาหลักจะขายโทรศัพท์มือถือและสินค้าปลอดภาษี และในสาขา Musivox จะจำหน่ายเครื่องดนตรี, สาขา Asobitcity จะจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกมส์ต่าง ๆ

- Yamada Denki (เปิดทุกวันเวลา 10.00-22.00) เปิดร้านในชื่อว่า “LABI” ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ Akihabara Electric Town จะจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์, ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และเครื่องใช้ในบ้าน

- Akky (เปิดทุกวันเวลา 9.30-20.00) จะขายของเฉพาะผลิตภัณฑ์ปลอดภาษีโดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าจากต่างประเทศ

- Yodobashi Camera (เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 9.30-22.00, ในส่วนของร้านอาหารเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-23.00) ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของสถานีอาคิฮาบาระ โดยจะจำหน่ายคอมพิวเตอร์, เกมส์, นาฬิกา, กล้อง และผลิตภัณฑ์ปลอดภาษี





การเดินทาง : สถานีอาคิฮาบาระ (Akihabara Station) เป็นสถานีที่สามารถเดินทางได้ทั้งเส้นทาง JR Yamanote Line, JR Keihin-Tohoku Line, JR Sobu Line, Tsukuba Express และ Hibaya Subway Line


3. พระราชวังอิมพีเรียล (Tokyo Imperial Palace) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโตเกียว ตั้งอยู่ในแถบ Edo Castle ซึ่งในประวัติศาสตร์เคยใช้เป็นที่พำนักของท่านโชกุน Tokugawa ซึ่งปกครอง ประเทศญี่ปุ่น  ตั้งแต่ปี 1603 ถึง 1867ต่อมาเมื่อ ระบบปกครอบแบบโชกุนได้ถูกล้มล้าง จึงมีการเปลี่ยนเมืองหลวงจากเกียวโตเป็น โตเกียว และในปี 1888 จึงได้สร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้น และจากนั้นจึงได้ถูกทำลายลงในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางการญี่ปุ่นจึงสร้างขึ้นใหม่ซึ่งให้คงลักษณะของพระราชวังเดิมไว้ สำหรับนักท่องเที่ยวซึ่งเกือบทุกคนที่แวะเวียนมายังโตเกียวจะได้เยี่ยมชมพระราชวังแห่งนี้ อีกทั้งยังพบเห็นสะพานนิจูบาชิ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับแว่นตา ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของพระราชวังอิมพีเรียล





การเดินทาง : สามารถเดินทางสถานีโตเกียวเพียง 10 นาที


4. โคอิชิกาว่า โคระกุเอ็น (Koishikawa Korakuen) เป็นสวนสไตล์ญี่ป่นที่เก่าแก่ที่สุดและดีที่สุดใน ญี่ปุ่น โดยสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยต้น ๆ ของยุคอิโด โดยเปิดให้เยี่ยมชมตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. และจะปิดในช่วงวันที่ 29 ธันวาคม – 1 มกราคมของทุกปี






ซึ่งนักท่องเที่ยวจะหนาแน่นในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนซึ่งเป็นช่วงของใบไม้เปลี่ยนสี, ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งมีเทศกาลลูกพลัม และในช่วงที่ดอกซากุระบาน

การเดินทาง : สามารถเดินจากสถานีอิอิดะบาชิ (Iidabashi Station) เพียงแค่ 5-10 นาที หรือเดินจากสถานีโคระกุเอ็น (Korakuen) เพียงแค่ 10 นาที


5. ชิบูยะ (Shibuya) เป็น 1 ใน 23 เมืองของโตเกียว เป็นที่นิยมอย่างมากในการช้อปปิ้ง และความบันเทิงทางด้านต่าง ๆ ถือได้ว่าชิบูยะ เป็นหนึ่งในสีสันของโตเกียวเลยทีเดียว ถนนของชิบูยะเป็นศูนย์กลางทางด้านวัฒนธรรมและแฟชั่นของวัยรุ่นในประเทศญี่ปุ่นและเป็นแหล่งกำเนิดของเทรนด์การแต่งตัวต่าง ๆ มากมาย จุดที่ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของชิบูยะนั่นคือสี่แยกที่อยู่ตรงทางออกฮาจิโกะของสถานีรถไฟ ซึ่งเต็มไปด้วยคนที่คอยข้ามถนนมากมาย เนื่องจากสถานีชิบูยะถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของเส้นรถไฟต่าง ๆ





การเดินทาง : สถานีรถไฟชิบูยะ สามารถเดินทางได้จาก JR Yamanote Line, JR Saikyo Line, JR Shonan Shinjuku Line, Hanzomom Subway Line, Ginza Subway Line, Fukutoshin Subway Line, Tokyo Toyoko Line, Tokyo Den-Entoshi Line, Keio Inokashira Line and Narita Express


6. วัดอาสะกุสะ หรือวัดเซนโซจิ (Asakusa Kannon Temple/Sensoji Temple) วัดซึ่งตั้งอยู่ในเขตอาสะกุสะ ซึ่งถือได้ว่าเป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโตเกียว






การเดินทาง : สามารถเดินได้จากสถานีอาสะกุสะ (Asakusa Station) โดยเดินทางในสายรถไฟ Ginza Subway Line, Asakusa Subway Line และ Tobu Railways







สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น (ชิบะ)

สถานที่ท่องเที่ยวในชิบะ(Chiba)


   

      ชิบะ (ญี่ปุ่น: 千葉市 Chiba-shi ?) เป็นเมืองหลวงของจังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น และเป็นเมืองที่มีความเจริญทางด้านอุตสาหกรรมเป็นหลัก มีโรงงานและคลังสินค้ามากมายที่ตั้งอยู่ตามชายฝั่ง จังหวัดชิบะนั้นประกอบไปด้วยภูมิอากาศที่กำลังสบาย ชายฝั่งทะเลที่สวยงาม เนินเขาเขียวขจี และยิ่งไปกว่านั้นยังมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมต่าง ๆ มากมาย จึงเป็นที่ที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวและทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมเยียนมากกว่า 120 ล้านคน ต่อปี ชิบะเป็นจังหวัดที่เมืองนาริตะที่มีสนามบินนาริตะอยู่ แล้วก็เป็นที่ตั้งของโตเกียวดิสนีย์แลนด์อีกด้วย นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาญี่ปุ่นก็จะแวะห้างอิอนน นาริตะ วัดนาริตะ แล้วก็ไปโตเกียว เกียวโต โอซาก้ากัน แต่จริงๆแล้วชิบะมีสถานทีท่องเที่ยวเยอะมาก ทั้งฟาร์มสตอร์เบอรี่ เดินเขา พิพิธภัณฑ์

1. Tokyo Bay Aqua – Line



              Tokyo Bay Aqua – Line ( 東 京湾アクアライン Wan aku) หรือที่ เรียกว่าทรานส์ – Tokyo Bay Highway, เป็น สะพาน อุโมงค์ ข้าม อ่าวโตเกียว ใน ญี่ปุ่น มันเชื่อมต่อ เมืองของ คาวาซากิ ใน จังหวัดคานา กา กับเมืองของ Kisarazu ใน จัง หวัดชิบะ , และ เป็นส่วนหนึ่งของ เส้นทางแห่งชาติ 409 . มีความยาวโดยรวมของ 14 กม. จะมีสะพานทาง 4.4 และ 9.6 กม. อุโมงค์ใต้ของอ่าวที่อุโมงค์ใต้น้ำที่สี่ยาวที่สุดในโลก

ที่จุด crossover สะพานอุโมงค์มีความเป็น เกาะเทียม ที่เรียกว่า Umihotaru ( 海ほたる Umi – Hotaru ? แท้จริงหมายถึง”ทะเลหิ่งห้อย”) มีพื้นที่ส่วนที่เหลือที่ประกอบด้วยร้านค้าร้านอาหารและสถานที่สวนสนุก อากาศจะจ่ายให้กับอุโมงค์โดยหอที่โดดเด่นในช่วงกลางของอุโมงค์ที่เรียกว่า Kaze (風の塔,”หอของ Wind”) ซึ่งใช้ลมเกือบคงที่ของอ่าวเป็นแหล่งพลังงาน ที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีที่จะเยี่ยมชมและง่ายต่อการเข้าถึงเป็นมีรถบัสปกติระหว่างทั้งสองฝ่ายของอ่าวโตเกียวมากมาย


2. Port Tower




      Chiba Port Tower เป็นหอที่ตั้งอยู่ใน Chiba Port Park, Chuo – ku, Chiba , จัง หวัดชิบะ , ญี่ปุ่น . เป็นหอสังเกตการณ์ 125 เมตร สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ประชากรของจัง หวัดชิบะเกิน 5 ล้าน หอมีสี่ชั้น ที่ชั้นแรกเป็น ทางเข้า มีร้านค้าที่ขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ ชิบะและห้องจัดนิทรรศการที่อธิบายถึงบทบาท ของ Chiba Port เป็น นอกจากนี้ยังมีโรงละคร และห้องพักของเด็กคือ ที่ชั้นสองเป็นห้องมุม มองซึ่งเป็นที่ความสูงของ 105 เมตร มี จิตรกรรมฝาผนัง”Aqua Fantasy”วาดด้วยสี เรืองแสงพิเศษที่เรียกว่าเป็น หลังจาก พระอาทิตย์ตกดิน, ภาพวาดที่จะสว่างขึ้นด้วยแสงสีดำและมุมมองของเรือดำน้ำลึกลับมีลักษณะสามมิติ ชั้นที่สามเป็นร้านกาแฟมุมมอง”คาเฟ่ La Plage”ซึ่งเป็นที่ความสูงของ 109 เมตร มี 50 ที่นั่งและมีผู้เข้าชมสามารถที่จะกินและดื่มมองทัศนียภาพที่ดี นอกจากนี้พวกเขาสามารถที่จะสำรองไว้สำหรับงานแต่งงานหรืองานปาร์ตี้ ชั้นที่สี่เป็นชั้นสังเกตหลักซึ่งอยู่ที่ 113 เมตร มันเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของหอ มีพื้นที่เปิดโล่งระหว่างชั้นแรกและชั้นที่สองคือ ดังนั้นผู้เข้าชมจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพของทะเลในขณะที่อยู่ในลิฟท์ ที่ด้านบนของอาคารที่มีระบบที่เรียกว่าสิ่งที่ทำให้ชื้นแบบไดนามิกคือ มันเป็นประมาณ 15 ตันและมันเคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันข้ามกับทิศทางที่ตัวหลักของหอสั่นเพื่อให้มันลดการสั่นจากตัวหลักของหอ ดังนั้นจึงช่วยปกป้องอาคารจากแผ่นดินไหวและลมแรง หอสามารถทนต่อแรงลมได้ถึง 60 เมตรต่อชั่วโมง



3. ปราสาทชิบะ




       ชิบะ Castle (千叶城) เป็นปราสาทสร้างขึ้นใหม่ตั้งอยู่ในเมืองชิบะ, จังหวัดชิบะ เป็นที่รู้จักกันเป็น Inohana ปราสาท เนื่องจากเผชิญกับทิศทางของ Inu ปราสาทถูกสร้างขึ้นในปี 1126



4. พิพิธภัณฑ์โบโซ่ โนะ มูระ (Boso no Mura Museum)

        ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์แบบ Outdoor โดยจำลองสิ่งปลูกสร้างเมื่อประมาณ 150 ปีก่อน ซึ่งยุคเอโดะตอนปลาย ถึงตอนต้นสมัย เมจิ ที่นี่เป็นเมืองจำลองโบราณขนาดใหญ่มาก จำลองการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่นในสมัยเอโดะ บ้านเรือนสองข้างทาง ประกอบไปด้วย ร้านค้า โรงเหล้า ร้านขาย ยา ยุ้งฉาง บ้านชาวนา บ้านซามูไร หนังและละครย้อนยุคของญี่ปุ่น ก็มักจะใช้ที่นี่เป็นฉากในการถ่ายทำ กิจกรรมทางด้านใน นอกจากที่พวกเราจะได้เพลิดเพลินกับบ้านย้อนยุค ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ให้ได้ ทำอีก เช่น มีการสาธิตการทำโมจิ จักสาน วาดรูป ทำเที่ยน ทำของเล่นต่างๆ ดูพิธีชงชา พร้อมร่วมดื่มชา แบบฉบับญี่ปุ่น การทำกับข้าวแบบญี่ปุ่น การใส่ชุดกิโมโน และซามูไร ฯลฯ กิจกรรมเหล่านี้ ต้องเสียค่าธรรมเนียมด้วย ชุดกิโมโน และซามูไร ค่าเช่าชุด ชุดละ 200 เยน นอกจากนี้ยังมีสวนซากุระอีกด้วย ถ้ามีโอกาสก็ลองไปดู อยู่ห่างจากสนามบินนาริตะแค่ 20 นาที





เปิดบริการ :       เวลา 9.00-16.30น.
ปิดบริการ :        วันจันทร์ (หรือวันอังคาร ในกรณีที่วันหยุดตรงกับวันจันทร์) : 26 ธันวาคม-1 มกราคมของทุกปี และวันหยุดอื่นๆ
ค่าบริการ :        300 เยน






เกร็ดความรู้


       โปรแกรม phishing filtering จะช่วยคัดกรองหน้าเว็บที่ต้องสงสัยต่างๆ ให้กับผู้ใช้ ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ตัวป้องกันการแสดงหน้าต่าง 
ป๊อปอัพในโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ หรือผู้ใช้เพิ่มความระมัดระวังในการให้ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ โดยการตรวจสอบแหล่งทีมาของอีเมลก่อนให้ข้อมูล

                                             


      ข้อควรปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยในการใช้งานในระบบเครือข่าย

1. ตั้งรหัสผ่านที่ยากแก่การเดา เช่น หลีกเลี่ยงในการใช้ชื่อเล่น วันเดือน ปี เบอร์โทรศัพท์

2. เปลี่ยนรหัสผ่านสม่ำเสมอ

3. ติดตั้ง ใช้งาน และปรับปรุงโปรแกรมป้องกันมัลแวร์สม่ำเสมอ

4. ศึกษาความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการรับไฟล์ ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ต เช่น อีเมล หรือหน้าเว็บต่างๆ

บัญญัติ 10 ประการในการใช้งานคอมพิวเตอร์

บัญญัติ 10 ประการในการใช้งานคอมพิวเตอร์

1. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ทำร้ายผู้อื่น เช่น ไม่ควรโพสต์ข้อความกล่าวหาบุคคลอื่นในเว็บบอร์ดให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ไม่ควรโพสต์รูปอนาจาร

 2. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์รบกวนผู้อื่น เช่น เปิดฟังเพลงด้วยคอมพิวเตอร์ หรือ เล่นเกมรบกวนผู้อื่นที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง

3. ต้องไม่เปิดดูไฟล์ของผู้อื่นก่อนได้รับอนุญาต เช่น แอบเปิดอ่านอีเมลของเพื่อน


4. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ในการโจรกรรมข้อมูล ข่าวสาร เช่น การแอบเจาะระบบเพื่อขโมยข้อมูลการค้าของบริษัท ขโมยรหัสผ่านบัตรเครดิต

5. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์สร้างหลักฐานเท็จ เช่น การแอบเจาะระบบเพื่อเปลี่ยนแปลงคะแนน

 6. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ในการคัดลอก หรือ ใช้โปรแกรมที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น ดาวน์โหลดโปรแกรมที่มีลิขสิทธิ์มาใช้ โดยมีโปรแกรมแก้ไขเพื่อให้ใช้งานได้

7. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ในการ ละเมิดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์โดยที่ตนเองไม่มีสิทธิ์ เช่น ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ หรือ ไม่ใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าใช้

8. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อนำเอาผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง

9. ต้องคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดจากโปรแกรมที่ตัวเองพัฒนาขึ้น

10. ต้องใช้คอมพิวเตอร์ โดยเคารพกฎ ระเบียบ กติกา และมารยาทของสังคมนั้น





3. ปัญหาการล่อล่วงในสังคม


 
        จากการที่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตบางคน  สร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ในการติดต่อสนทนากับผู้อื่นโดยให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ  เช่น  เทศ  อายุ  ภาพถ่าย  และอาชีพ  เพื่อล่อลวงให้คู่สนทนาสนใจตัวตนใหม่  และนัดพบเพื่อกระทำอันตรายต่างๆ  จนเกิดปัญหาร้ายแรงต่อทรัพย์สินหรือต่อตนเอง


            เพื่อให้การใช้ชีวิตในโลกไซเบอร์เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ สร้างประโยชน์ให้กับสังคม มีความปลอดภัยในการดำรงชีวิต ผู้ใช้ควรเลือกแสวงหาความรู้และใช้อินเทอร์เน็ตอย่างรู้เท่าทัน และมีวิจารณญาณ รู้จักแยกแยะสิ่งถูกและผิด มีความหนักแน่นในศีลธรรม ไม่ลุ่มหลงไปกับสิ่งยั่วยวนใจในรูปแบบต่างๆ รวมถึงเรียนรู้เกี่ยวกับภัยอันตรายหรือผลเสียที่อาจได้รับ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเกิดเหตุ และใช้งานอินเทอร์เน็ตโดยเคารพให้เกียรติซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดสังคมและการใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็นไปอย่างมีความสุข 

2. ปัญหาอชญากรรมทางอิเล็กทรอนิกส์

มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นช่องทางในการก่ออาชญากรรมหลายรูปแบบ  เช่น    
    - เจาะระบบรักษาความปลอดภัย   ให้ความสามารถถึงระบบคอมพิวเตอร์  เพื่อกระทำการใดๆกับระบบคอมพิวเตอร์  ซอฟแวร์  หรือข้อมูลในทางที่มิชิบต่างๆ  อาจทำให้เกิดความเสียหายในเชิงธุรกิจ  การบิดเบือนข้อเท็จจริง     
    - ขโมยข้อมูลส่วนตัว  โดยการใช้ช่องทางการสื่อสารหรืออินเตอร์เน็ต   เช่น  การแชท  การโทรทัพท์  ในการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนตัวของบุคคล  โดยการปลอมแปลงเป็นผู้ดูแลระบบ  หรือผู้ดูแลข้อมูล  เป็นบุคคลใกล้ชิด  หรือสร้างสถานการณ์ฉุกเฉินที่เสมือนจริง  เพื่อหลอกล่อให้เหยื่อเกิดความไว้วางใจ  หรือหลงเชื่อ   และเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวโดยรู้เทท่าไม่ถึงการณ์  
    - เผยแพร่ภาพอนาจร   การเผยแพร่ภาพอนาจารต่างๆ  มื่อโดยใช้วิธีการที่หลากหลาย  เช่น  ผ่านเกมออนไลน์  ผ่านการสร้างไฟล์ไวรัสเจาะเข้ามาที่ระบบคอมพิวเตอร์  เมื่อผู้ใช้เปิดอินเทอร์เน็ตไฟล์ไวรัสจะแสดงภาพอนาจารต่างๆ  หรือผ่านโปรแกรมค้นหา  โดยการตั้งคำหลักที่หลากหลายให้กับภาพอนาจาร  เมื่อผู้ใช้ค้นหาด้วยคำหลักที่ตรงกับที่ได้ตั้งไว้ก็จะปรากฏภาพอนาจารในผลที่ได้จากการสือค้นข้อมูล 


                                                                                               


        วิธีการหลอกลวงเพื่อเจตนาขโมยข้อมูลส่วนบุคคลอีกวิธีหนึ่ง คือ การส่งอีเมลถึงผู้รับที่มีข้อความ เช่น
รหัสผ่าน ข้อมูลทางการเงิน ไปใช้ในการเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นโดยมิชอบ หรือนำข้อมูลไปขายให้กับผู้ก่อ
อาชญากรรมอื่น โดยผู้ใช้อาจถูกหลอกให้ตอบกลับอีเมลพร้อมข้อมูลส่วนตัว หลอกให้คลิกบนยูอาร์แอลในอีเมล หรือหน้าต่าง ป๊อปอัพ ซึ่งเชื่อมโยงไปยังหน้าเว็บที่ถูกสร้างให้ดูเหมือนเว็บจริงของหน่วยงาน หรือ ธนาคาร และให้ข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่รู้ตัว

1. ปัญหาสุขภาพและความสัมพันธ์ทางสังคม

          ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตติดต่อกันเป็นนานมากเกินไปอาจก่อให้เกิดปัญหาโรคติดอินเตอร์เน็ตซึ่งเป็นอาการทางจิตประเภทหนึ่ง   มีอาการที่ต้องสงสัย  เช่น  มีความต้องการใช้อินเตอร์เน็ตต่อเนื่องเป็นเวลานานมากขึ้นเรื่อๆ  รู้สึกหงุดหงิด  หดหู่  กระวนกระวายเมื่อใช้อินเตอร์เน็ตน้อยลงหรือหยุดใช้คิดว่าเมื่อได้ใช้อินเตอร์เน็ตแล้วจะทำให้รู้สึกดีขึ้นน  แต่โดยความเป็นจริงแล้วการใช้อินเตอร์เน็ตเป็นเวลานานก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย  เช่น  ปวดเมื่อยตามตัว   ข้อมือ  และเหนื่อยล้าทางสายตา  นอกจากนี้  ยังทำให้ความสัมพันธ์กับบุคคลในครอบครัว  เพื่อน  หรือการพบปะผู้คนในสังคมลดน้อยลง